“Prod. by NINO” เส้นทางชีวิตจากก้นเหวสู่ “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว” 06/02/2023 Joyce Hale Highlight NINO เป็นโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเพลงดังมากมาย ทั้งเพลง “ทน” ที่ดังไกลถึงชาร์ตบิลบอร์ต และ เพลง “พักก่อน” ของแร็ปเปอร์สาว MILLI แม้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในฐานะโปรดิวเซอร์ แต่ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เหมือนทางตันของชีวิต และก็ ในวันที่ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือ ทางเดียวที่จะไปต่อได้ คือ การยืนหยัดด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญสำหรับการทำเพลงให้ประสบผลสำเร็จเป็นเนื้อหาที่จะเสนอ ที่จะส่งออกไปให้คนเข้าใจ รวมทั้ง ฟังแล้วติดหู ทุกความสำเร็จที่ได้รับ ไม่เคยมีความรู้สึกว่า ตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพเลย เขา คิดแค่ว่า วันนี้ สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้แล้วเท่านั้น ถ้าถามว่า รู้จัก “NINO – เกริก ชาญกว้าง” ไหม หลายๆคน คงจะขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหนักว่า ผู้ชายคนนี้ คือใคร แล้วจะไปรู้จักเขาได้อย่างไร แต่ถ้าถามว่า รู้จักเพลง “ทน” เพลงไทยที่ดังไกลถึงชาร์ตบิลบอร์ด และ เพลง “พักก่อน” เพลงแร็ปสุดเฟี้ยวของแร็ปเปอร์สาว MILLI บ้างไหม เชื่อว่า ทุกคน คงพยักหน้า รวมทั้ง คงเคยได้ยินเพลงกลุ่มนี้ผ่านหูมาบ้าง เพลงดังเหล่านี้ ถูกสร้างสรรค์โดยในฐานะโปรดิวเซอร์ รวมถึงอีกหลายร้อยเพลง และก็ ส่วนหนึ่งของผลงานมากมายของเขา ยังกลายเป็นเพลงไวรัลในโลกออนไลน์ กระทั่งทำให้ได้รับฉายาว่า “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว” แต่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้น จะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ในขณะที่แสนท้าทาย และ ไม่มีคนไหนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปได้ คือ “ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง” สู้โชคชะตาด้วยสองมือของตนเอง “ครอบครัวผม ก็มีฐานะปานกลาง พอมีพอกิน แล้วภายหลังจากได้ไปเรียนที่แคนาดา ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จนกระทั่งขั้นที่ครอบครัว 4 คน จำเป็นต้องอยู่ในรถคันเดียว รถที่อยู่ก็ไม่ใช่รถของตัวเอง แต่ว่าเป็นรถยนต์ของคุณตาที่เรายืมมา แล้วหลังจากนั้นก็มาอยู่ภายในห้องเล็กๆ มีห้องน้ำห้องเดียว” โปรดิวเซอร์ เล่าย้อนไป จากเด็กหนุ่มผู้ได้ทุนไปเรียนสาขาภาพยนตร์ ไกลถึงประเทศแคนาดา แต่โชคชะตาก็ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับ “ปัญหา” ที่ใหญ่กว่าตัวเองจะปรับปรุงได้ เขา เล่าว่า เหมือนอนาคตที่เคยฝันไว้พังทลายลงมา และ เขาเองก็นึกไม่ออกว่า จึงควรเดินไปทางไหน คล้ายกับว่า ทุกๆอย่างเป็นทางตัน และจากนั้นก็ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย แต่ “ในวันที่เราอยู่ก้นเหว เรา มีทางเดียวที่จะไปต่อได้ คือ พวกเรา ต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง” “ผมเป็นนักสู้ ผมก็ต้องหาทางที่จะเอาชีวิตรอด แรงบันดาลใจสำคัญๆเลยก็เป็นครอบครัว คนที่อยู่ในครอบครัวพวกเรานี่แหละ ที่เป็นแรงผลักดันให้พวกเรามีกำลังใจสำหรับการใช้ชีวิตต่อไป คือผมเป็นคนใฝ่ฝันสูง อยากมีอะไรเป็นของตัวเอง แล้วถ้าเราไม่ทำ มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากพวกเราจะไปถึงตรงนั้น เรา จะต้องมีทีมเวิร์กที่ดี ถ้าหากไม่มีทีมเวิร์กที่ดี กำลังใจก็ไม่มี มันก็บางครั้งก็อาจจะโดดเดี่ยว” โปรดิวเซอร์ กล่าว จุดเริ่มต้นอาชีพ “โปรดิวเซอร์” ของ NINO “พอเราเจอทางตัน พวกเรา ก็พยายามจะหาทางออกว่า สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดในเวลานั้นคืออะไร ในตอนนั้น มันก็มีนักบอล นักมวย เกมเมอร์ แล้วก็ดนตรี ซึ่งผมว่า ผมเก่งดนตรีมากที่สุด” โปรดิวเซอร์ บอก เมื่อค้นพบว่า ดนตรี คือ สิ่งที่เราเองทำได้ดีที่สุด บวกกับเสียงชื่นชมจากคนรอบข้าง ที่คอยสนับสนุน แล้วก็ให้กำลังใจ ก็เลยทำให้เริ่มสนใจอาชีพ “โปรดิวเซอร์” ซึ่งเป็นอาชีพที่ยังไม่ค่อยมีคนทำมากนัก ตอนนั้น แล้วก็ เรียนรู้การกดบีทจาก YouTube “โปรดิวเซอร์ ก็คือ คนที่มองภาพรวมของเพลง คล้ายๆกับผู้กำกับ เป็นคนที่ดูตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเพลง เป็นคนควบคุมโปรเจ็กต์ และช่วยทำให้ศิลปินตัดสินใจได้ดีขึ้น คือเป็นเหมือนผู้ช่วยศิลปินอีกที” โปรดิวเซอร์ อธิบาย ความสำเร็จของโปรดิวเซอร์ NINO หลังจากหันมาเอาดีทางด้านดนตรี ชื่อของ NINO ก็เริ่มมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น จนได้รับฉายา “โปรดิวเซอร์พันล้านวิว” จากผลงานเพลงที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นร่วมกับศิลปินมากมาย ทั้งเพลง “พักก่อน” ของ MILLI, เพลง “เป็นไรไหม” ของ LAZYLOXY x OG-ANIC, เพลง “Mirror Mirror” ของ F.HERO MILLI รวมทั้ง ชางมิน จากวง Stray Kids วงไอดอลโด่งดังจากประเทศเกาหลีใต้ หรือ เพลง “4EVER” จาก 4EVE เกิร์ลกรุ๊ปของไทย นอกนั้น ยังมีเพลงอื่นๆ อีกมากมาย ที่เป็นผลงานของ NINO ดูได้จากคำว่า “Prod. by NINO” ที่กลายเป็นคำการันตีประสิทธิภาพของงานเพลง “แรกๆที่เริ่มมีคนรู้จักผมมากขึ้นเรื่อยๆ บน BTS หรือ นั่งวินมอเตอร์ไซค์ และก็มีพี่วินอีกคน หรือ แกร็บ บอกว่า “นี่ NINO หรือเปล่า” กลางสี่แยกเลย ก็ตลกดี พี่รู้จักผมด้วยหรอ ก็เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป และจากนั้นก็ดีใจที่มีคนรู้จักอาชีพโปรดิวเซอร์ของเราด้วย เนื่องจาก น้อยคนที่จะทำอาชีพนี้ แล้วส่วนมากก็จะรู้จักแต่เบื้องหน้า” โปรดิวเซอร์ กล่าว เมื่อถามถึงเคล็ดลับแนวทางการทำเพลงให้ประสบผลสำเร็จ เขา กล่าวว่า ไม่มีเคล็ดลับ แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหาที่จะเสนอ ที่จะส่งออกไปให้คนเข้าใจ แล้วก็ ฟังแล้วติดหู “พวกเราจริงใจกับสิ่งที่เราจะนำเสนอออกไปมากน้อยแค่ไหน ที่เหลือก็เป็นคาแรกเตอร์ ผมว่า ความเป็นธรรมชาติ คือ คนเรามีเซ้นส์ที่จะเดาออกได้ว่า นี่ไม่ธรรมชาติ แต่อันนี้รู้สึกธรรมชาติว่ะ บางคน มีความคิดว่า พวกผมทำเพลงทน มานั่งแกะนั่งหั่นเพลงทนว่า ทำอย่างไรถึงจะฮิต แต่ความจริง คือ ทำไม่ถึงชั่วโมง เรา ยังไม่รู้เลยว่า มันดังได้ยังไง ผมว่า อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ คือ พวกเรา สื่อสารยังไง แล้วผู้ฟังเขาเข้าใจกับเรามากน้อยแค่ไหน” โปรดิวเซอร์ ชี้ ก้าวสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม แม้จะประสบความสำเร็จ ในฐานะโปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังหลายร้อยเพลง แต่ก็ไม่เคยมีความคิดว่า ตัวเองมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพเลย เขา คิดแค่ว่า วันนี้เขาสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้แล้วเท่านั้น และก็ ตั้งใจที่จะมอบโอกาสกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเข้ามาโลดแล่นในวงการเพลง นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ NINO ในฐานะเจ้าของค่ายเพลง HYPE TRAIN GROUP ตัดสินใจร่วมมือกับ Universal Music Thailand โดยมีเป้าหมายที่จะปั้นศิลปิน รวมทั้ง คนเบื้องหลัง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีคุณภาพ ออกสู่คนฟังเพลงทั่วทั้งโลก “เปรียบเทียบเราเป็นเหมือนทีมบอลเล็กๆ ในวันหนึ่ง เรา อยากจะมีคนมาส่งเสริมให้พวกเราได้เดินทางออกไปสู่โลกกว้างได้มากขึ้น อย่างยุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีอะไรมากั้น ไม่มีกำแพงแล้ว เรา ได้มองเห็นแฟนคลับ ได้มองเห็นหลายวงไปเล่นต่างประเทศ พวกเรา ได้เห็นฐานแฟนจากต่างประเทศที่ฟังเพลงของเรา ผมว่า อีกไม่นาน เรา จะมีแฟนเพลงใหม่ๆเยอะขึ้น มีคอมมูนิตี้ใหม่มากมาย เพื่อมาสนับสนุนศิลปินของเรา การร่วมมือกันในครั้งก็เลยทำให้ผมดีใจมาก” โปรดิวเซอร์ เล่า “ผมอยากทดลองอะไรไปเรื่อย เหตุผลนี้แหละที่ทำให้ผมเปิดค่ายเพลงเพิ่ม แล้วในอนาคต ก็บางทีอาจจะเปิดค่ายเพิ่มอีก เพื่อทดลองอะไรใหม่ๆ ทดลองหลายๆแนว หาศิลปินแนวใหม่ ให้คนไทยได้ฟัง ผมว่า อันนี้ก็เป็นพื้นที่ของผมอยู่แล้ว” โปรดิวเซอร์ กล่าวปิดท้าย
ตร. เล็งสอบต่อ ‘สกาย’ หลัง ‘ชูวิทย์’ แถลงปมโดนรีด 2.7 หมื่นแลกปล่อยตัว 02/02/2023 Joyce Hale ชูวิทย์ และ สกาย ตำรวจเตรียมสอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ เงื่อนจ่าย 2.7 หมื่น ตำรวจแลกเปลี่ยนปล่อยตัว ที่โรงแรมเดอะเดวิส ในช่วง 15.00 น. วันนี้ ก่อนนำข้อมูลลงสำนวน จัดเตรียมฟ้องร้องจำนวน 7 นาย จากกรณีช่วงเย็นวานนี้ (31 ม.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโพสต์รูปภาพคู่กับนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ หรือนายสกาย เพื่อนชายของเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน ที่ออกมายอมรับก่อนหน้าที่ผ่านมาว่า เป็นคนจ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจ สถานีตำรวจห้วยขวาง ขณะตั้งด่านตรวจหน้าสถานทูต จีนช่วงกลางดึก ต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นั้น คืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เดินทางเข้าประชุมกับชุดพนักงานสอบสวน ติดตามประเด็น ศิลปินสาวชาวไต้หวัน ถูกตำรวจห้วยขวางไถเงิน โดย พล.ต.ต.อัฎธพร เปิดเผยก่อนเข้าประชุมว่า ตำรวจเตรียมตัวสอบปากคำนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ ที่โรงแรมเดอะเดวิส ในช่วง 15.00 น. วันนี้ ก่อนนำข้อมูลลงสำนวน เตรียมดำเนินคดีจำนวน 7 นาย โดยนายชูวิทย์ จัดแจงนำนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ ออกมาแถลงข่าวสารในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ ล่าสุดมีกล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ติดต่อผ่าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าเจอเพื่อซักถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในเวลา 15.00 น. โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 ด้วยเหตุว่าไม่สะดวกเดินทางไปพบพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และต้องการให้นายชูวิทย์ ร่วมเป็นพยาน ในการให้ถ้อยคำแล้วก็ให้ข้อมูลดังกล่าว ส่วนภายหลังการสอบปากคำแล้ว จะนำข้อมูลดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการดำเนินคดีกับตำรวจได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการให้การของนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ ในวันนี้ ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยก่อนประชุมกับทีมพนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีตำรวจขูดรีดเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า หลังได้ข้อมูลจากนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ในช่วงบ่ายวันนี้ พนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวนจะนำข้อมูลมาประกอบสำนวน เพื่อพิจารณาฟ้องร้องอาญามาตร 149 กับตำรวจทั้ง 7 นาย จากเดิมที่ตั้งข้อหามาตรา 157 กับตำรวจเพียงแต่ 2 นาย ประกอบด้วยตำรวจชั้นประทวน 1 นาย แล้วก็ตำรวจชั้นสัญญาบัตรอีก 1 นาย ส่วนที่เหลืออีก 5 นาย อยู่ระหว่างการสอบปากคำ กระทั่งช่วงเย็นวานนี้ มีการตรวจตราเพิ่มพบว่าตำรวจอีกทั้ง 5 นาย ที่ปรากฏอยู่ในคลิป มีข้อพิรุธสงสัยอาจมีส่วนรู้เห็นด้วย ก็เลยจะดำเนินการเอาผิดด้วยทั้งหมด แต่รอผลการสอบสวนนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ในช่วงบ่ายวันนี้อีกรอบ อย่างไรก็ตามในส่วนการดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ ในฐานะผู้ให้สินบนนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ เพราะว่าการจะดำเนินคดีในข้อหานี้ได้ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ต้องอยู่ในฐานะผู้เสนอติดสินบนเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ถูกข่มขวัญบังคับ ด้วยเหตุนั้นการสอบปากคำนักท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์ในบ่ายวันนี้จึงสำคัญมากรวมทั้งเป็นการสอบปากคำในฐานะพยาน โดยทีมสอบสวนได้จัดแจงภาพถ่ายตำรวจชุดตั้งด่านในวันเกิดเหตุอีกทั้ง 14 นาย ให้ผู้เสียหายชี้ใน 3 ประเด็นหลักๆคือ จ่ายเงินให้กับใคร/ใน 14 คนนี้ มีใครบังคับขู่เข็ญเรียกเงิน แล้วก็มีใครมีส่วนทราบเรื่องจาการรีดรับเงินในครั้งนี้บ้าง ส่วนกรณีมีกระแสข่าวสารตำรวจจะเดินทางไปสอบปากคำเน็ตไอดอลสาวที่ประเทศไต้หวันนั้น การจะเดินทางไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการสอบปากคำชาวประเทศสิงคโปร์ในช่วงบ่ายถ้าหากพบว่า ผู้เสียหายชาวประเทศสิงคโปร์เป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาท เพียงคนเดียว ก็ไม่มีความต้องที่ต้องไปสอบสวนเน็ตไอดอลสาว เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ผู้เสียที่หายที่โดยความเป็นจริง คือนักท่องเที่ยวชาวประเทศสิงคโปร์ แต่ถ้าเกิดผลการสอบสวนพบว่าเน็ตไอดอลสาว ร่วมจ่ายเงินด้วยแม้เพียงแต่บาทเดียว ตำรวจก็จำเป็นต้องต้องเดินทางไปสอบคำให้การเน็ตไอดอลสาวไต้หวันด้วย ในฐานะผู้เสียหายร่วม นอกจากนั้น นักข่าวพยายามไต่ถามกรณีการโยกย้าย พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สถานีตำรวจห้วยขวาง ไปเป็น ผกก.สถานีตำรวจหนองจอก ใช่บทลงโทษจากกรณีนี้หรือไม่ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เจาะจงเพียงแค่สั้นๆว่า ตนไม่รู้ ทุกอย่างเป็นดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา ‘ชูวิทย์’ เปิดผู้เห็นเหตุการณ์ชาวสิงคโปร์ ย้ำ ตร.ไถเงินจริง เปิดเผยพูดไทยด้วยโดนสวนกลับ “อย่ากวนตีน” ‘ชูวิทย์’ เปิดตัว ‘สกาย’ พยานชาวสิงคโปร์ รับถูกตร.ขูดรีดเงินจริง แจงราคาค่าเสียหายบุหรี่ไฟฟ้าอันละ 8,000 ไม่พกพาสปอร์ตเล่มละ 1,000 เปิดเผยกล่าวไทยด้วยแต่โดนสวนกลับ “อย่ากวนตีน” ยันไม่เมา-จำหน้าได้ทุกคน เวลา 14.00 น. วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย จัดแถลงข่าวสารกรณีของ อันหยูชิง หรือ Charlene An ดาราสาวไต้หวันกับกลุ่มเพื่อนที่บอกว่าถูกตำรวจตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท โดยก่อนแถลงชูวิทย์ได้ตีปี๊บ และก็พูดว่าจะนำปี๊บดังกล่าวไปฝากให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคลุมหัวไว้ เพื่อซ่อนจากข้อข้อเท็จจริงที่จะเปิดเปิดเผย ชูวิทย์ กล่าวว่า การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่มีการทำเป็นขบวนการ จัดสรรแบ่งส่วนให้กับผู้ที่ปฏิบัติงาน การตั้งด่านนี้ทำลายภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยว โดยยิ่งไปกว่านั้นในช่วงนี้ ที่มีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมาอีกทีหลังสถานการณ์โควิด 19 เพราะแทนที่นักท่องเที่ยวจะกลัวโจร กลับต้องมากลัวตำรวจที่ควรจะดูแลความปลอดภัยของพวกเขา “ถ้าถึงวันนี้ตำรวจต้องการจะคืนเงิน 27,000 บาทให้กลุ่มผู้เสียหายตนก็มั่นใจว่าเขาจะไม่รับแล้ว เนื่องจากทั้งหมดไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งที่ผ่านมายังถูกเจ้าหน้าที่ใส่ร้ายป้ายสีมาตลอด หากเปรียบเทียบตำรวจไม่ดีเป็นนิ้วร้ายที่ต้องตัดออก มั่นใจว่าวันนี้ไม่มีนิ้วเหลือให้ตัดแล้ว” ชูวิทย์ เจาะจง จากนั้น เวลา 14.20 น. ชูวิทย์ ได้เชิญ สกาย ชาวสิงคโปร์ เพื่อนของอันหยูชิง มาร่วมแถลงข่าวสาร โดย สกาย กล่าวว่า ถ้าไม่ไว้ใจ ชูวิทย์ ก็คงไม่เดินทางมา วันที่เกิดเรื่องตนกับกลุ่มเพื่อนและอันหยูชิง ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม หลังจากนั้น ระหว่างเดินทางกลับโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่บริเวณถนนหนทางรัชดาภิเษก เจอตำรวจตั้งด่านใช้ไฟฉายส่องเข้ามาในรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่าน บอกให้จอดรถเข้าข้างทางและให้ทุกคนลงจากรถ ก่อนเข้ามาจับตามตัว ค้นกระเป๋า ขอให้นำพาสปอร์ตออกมาแสดง รวมทั้งให้ถอดรองเท้าด้วย ดังนี้ ในวันดังกล่าวตนไม่ได้นำพาสปอร์ตออกมาจากที่พัก สกาย กล่าวว่ากล่าว จากตรวจค้น เจ้าหน้าที่เจอบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน พร้อมถามต่อว่ามาจากประเทศไหน โดยในตอนนั้น ทางกลุ่มเองเริ่มสงสัยแล้วว่า เพราะเหตุใดตำรวจทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยังสั่งห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร หรือถ่ายภาพ ซึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝั่งตนมีเพียงตนเองที่สื่อสารภาษาไทยได้ นอกเหนือจากนั้น สกาย อ้างด้วยว่า ระหว่างที่ตนถามถึงสาเหตุของการตรวจหา ทางเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า “อย่ากวนตีน” ซึ่งมั่นใจว่าตนแล้วก็เพื่อนไม่ได้ทำผิดกฎหมายแน่นอน เพราะว่าตามปกติแล้ว การเดินทางเข้าประเทศไทย คนสิงคโปร์ไม่จำเป็นจะต้องต้องมีวีซ่ายกเว้นกรณีที่อยู่อาศัยเกินกว่า 30 วันขึ้นไป ซึ่งตนเดินทางมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2565 เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่รวมทั้งอยู่ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 5 ม.ค. 2566 ที่เป็นวันระบุเดินทางกลับ ในส่วนของพาสปอร์ตที่เจ้าหน้าที่พยายามเรียกดู ตนได้ตอบไปว่าเอกสารต่างๆอยู่ที่ที่พัก และมีรูปแสกกลางนเก็บไว้ในโทรศัพท์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ฟังแล้วก็พยายามคัดค้านว่าต้องแสดงเอกสารทันที ห้ามไปไหน แล้วก็พยายามแจ้งว่าการที่พกพาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด สกาย จึงอธิบายถัดไปว่า บุหรี่ไฟฟ้าซื้อมาจากร้านค้าที่วางขายย่านตลาดห้วยขวาง รวมทั้งไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย เพราะเหตุว่าเห็นวางขาย โดยปกติ และ การมาประเทศไทยคราวนี้ เนื่องจากว่าต้องการออกมากล่าวความจริงทั้งหมด ไม่รู้สึกกังวลในการให้ข้อมูลกับตำรวจ เมื่ออธิบายเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเสร็จ เจ้าหน้าที่เริ่มมีท่าทีโมโห กล่าวว่าทั้งหมดต้องไปสถานีตำรวจและก็ต้องอยู่ที่คุกในสน.อย่างน้อยอีก 2 วัน เมื่อพูดจาอยู่ระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่อีกรายที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจก็เข้ามาขยายความให้ตัวเองฟังว่า “บุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน อันละ 8,000 บาท ส่วนที่ไม่เจอพาสปอร์ต 3 คน อีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท” โดย สกาย เปิดเผยว่า ขณะนั้นมีเงินติดตัวอยู่ 30,000 บาท เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย ตำรวจก็เรียกแท็กซี่ให้รวมทั้งให้บอกแท็กซี่ว่าจะไปไหนต่อ ยืนยันว่า ตำรวจกลุ่มดังกล่าวแสดงท่าทีและก็พูดจาในลักษณะบังคับให้จ่ายเงิน และตัวเองไม่ได้เสนอให้ ทั้งนี้ ตำรวจที่เข้ามาบอกคุยเรื่องเงินมี 3 นาย โดยนายแรก เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ สวมแจ็คเกต มีหนวดเครา ทำหน้าที่ในการเรียกแล้วก็รับเงินจาก สกาย และก็เก็บเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ส่วนตำรวจนายที่ 2 รูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะล้าน ทำหน้าที่บังกล้องวงจรปิด ส่วนตำรวจนายที่ 3 เป็นคนรูปร่างซูบผอม ใส่ผ้าคลุมหน้าเข้ามาร่วมรับฟังการพูดคุยด้วย “ส่วนตัวคิดว่าเจ้าหน้าที่ต้องมีเหตุผล ถ้าหากต้องการจับก็จะต้องมีเหตุผล หากสงสัยอะไรก็ต้องกล่าวคุย แต่สิ่งที่เกิดตำรวจไม่มีเหตุผลอะไรและก็กล่าวว่าต้องไปสถานีตำรวจอย่างเดียว” สกาย กำหนด ขณะเดียวกัน ชูวิทย์ ได้ทำแฟ้มรายนามพร้อมรูปภาพของตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ห้วยขวาง มาจำนวนหนึ่ง และเปิดให้ สกาย ดูก่อนถามว่า จดจำใครได้บ้าง ซึ่ง สกาย ผงกศีรษะตอบรับ พร้อมยืนยันว่าจำได้ทุกคน ในตอนท้ายชูวิทย์ กล่าวว่า ในนามของคนไทยต้องขอโทษถึงการกระทำของตำรวจ พร้อมเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลาออกด้วย อย่างไรก็ดี เวลาประมาณ 15.30 น. สกาย ลุกออกจากบริเวณแถลงข่าว กับที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางมาร่วมดูการณ์การสอบปากคำพยานคนสำคัญใน โดยได้ให้คณะกรรมการรวมทั้งทีมพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน 4-5 นาย ร่วมสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดและครอบคลุมทุกประเด็นต่อไป
ดราม่าชุดไหว้ ศาลพระพรหม หลักหมื่น คนจีนจ่ายแพงจริงไหม แม่ค้าแจงเองมีอะไรบ้าง 30/01/2023 Joyce Hale ดราม่าชุดไหว้ กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้โพสต์คลิปวีดีโอของเหตุการณ์ เวลาที่ “นักท่องเที่ยวคนจีน” กำลังซื้อดอกไม้และชุดบูชาไหว้ “ศาลพระพรหม” แยกราชประสงค์ ราคากว่า 10,000 บาท กระทั่งนำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาดังกล่าว ว่าขายแพงเกินความจำเป็นไหม พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นการเอาเปรียบ นักท่องเที่ยวไหม จากเหตุการณ์ดังกล่าว แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชาที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เมื่อตอนวันตรุษจีนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 10 คน มาสอบถามราคาดอกไม้และชุดบูชา โดยมีไกด์ชาวไทยช่วยเสนอแนะ ซึ่งแม่ค้าก็ได้ชี้แจงว่า มีดอกไม้และก็ชุดบูชาจัดเป็นชุดหลากหลายราคาให้เลือก ซึ่งนักเดินทางกรุ๊ปดังกล่าว ก็ตกลงซื้อชุดบูชา ราคา 1,200 บาท จำนวน 2 ชุด, ชุดบูชา ราคา 900 บาท จำนวน 2 ชุด และชุดบูชา ราคา 600 บาท 2 ชุด นอกนั้น ยังมีนักท่องเที่ยว 4 คนภายในจำนวนนั้น อยากปล่อยนกเขา จึงซื้อนกเขาจากร้านข้างๆคนละ 4 ตัว ราคาตัวละ 500 บาท รวมเงินที่นักเดินทางกลุ่มนี้จ่ายค่าดอกไม้, เครื่องบูชา และก็นกเขาให้กับแม่ค้า เป็นเงินทั้งหมด 13,400 บาท สำหรับในวันเกิดเหตุนั้น ดราม่าชุดไหว้ ระหว่างที่มีการพูดซื้อขายดอกไม้และเครื่องบูชาอยู่ ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่กลุ่มนักเดินทางดังกล่าว ถือโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เมื่อสอบถามว่าถ่ายไปทำไม ชายคนดังกล่าวก็มิได้ตอบอะไร จนกระทั่งมาทราบอีกทีว่า คลิปดังกล่าว ได้ถูกโพสต์ลงในโลกโซเชียล จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า แม่ค้าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ที่สำคัญคือทำให้ชื่อเสียงของเมืองไทย ได้รับผลพวงไปด้วย “ยืนยันว่าตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ขายมา ไม่เคยเอาเปรียบนักเดินทาง มีการแจ้งราคาให้ดูแคตตาล็อกดอกไม้และชุดบูชา ให้กับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ” แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชา กล่าว ทางด้านไกด์นำเที่ยวรายหนึ่ง เผยถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ถ้าเกิดวันไหนที่คนน้อย หรือวันนั้นมีดอกไม้ที่ดูสดเข้ามา ราคาจะขยับแพงขึ้นอีก และหากว่านักเดินทางบางคนเดินทางมาไหว้เอง ไม่ได้ผ่านกรุ๊ปทัวร์ ราคาที่คิดออกมาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เวลาที่ พลตำรวจตรี อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการสั่งย้ำผู้ค้าอย่าเอาเปรียบนักเดินทาง จะต้องอธิบายราคาดอกไม้และเครื่องบูชา กับนักท่องเที่ยวทุกคราว ไม่งั้นจะจัดการตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากที่สั่งย้ำไปก็ยังมิได้ มีการรับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด ซึ่งราคาดอกไม้และเครื่องบูชา ของร้านค้าที่อยู่รอบๆ นอกศาลจะมีราคาสูงกว่า ร้านค้าจำหน่ายในศาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าว ยังเป็นที่แย้งกันต่อในโลกออนไลน์ โดยบางส่วนเผยว่า เคยไปไหว้เช่นกันแต่ว่าราคาไม่ถึงหลักหมื่น ในเวลาที่บางส่วนบอก หลักหมื่นก็มีเหมือนกัน ซึ่งราคาของแต่ละร้าน ก็จะไม่เท่ากัน แต่โดยมากที่เห็นไปทางเดียวกันคือ ทุกร้านค้าควรติดป้ายราคา บอกให้ชัดเจน เพื่อความชัวร์ที่สุด แม่ค้า โต้ปม ดราม่าชุดไหว้ ชุดไหว้ศาลพระพรหม หลักหมื่น แจงวันที่เกิดเหตุ ทำไม่สบายใจ แม่ค้า โต้ปม ราคาดอกไม้ หลักหมื่น หลังคลิปแชร์ว่อน นักเดินทางจีน เจอฟาดราคามหาโหด ชุดไหว้ ศาลพระพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ แจงวันเกิดเหตุ เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 ม.ค. 2566 ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ รอบๆสี่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วก็ได้คุยกับแม่ค้า ที่ขายดอกไม้ข้างหน้าทางเข้า พระพรหมเอราวัณ ภายหลังจากมีคลิปว่อนโลกโซเชียลมีเดียว่า นักเดินทางจีน มาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เจอแม่ค้าไทยคิดราคาดอกไม้ สำหรับสักการะบูชาพระพรหมหลักหมื่น ก็เลยเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก แม่ค้ารายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเห็นคลิปดังกล่าว แล้วรู้สึกกังวลใจ ด้วยเหตุว่าเป็นคลิปที่เห็น เพียงแค่แง่มุมเดียว ตนจำเรื่องราวที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มาไหว้บูชาพระพรหมได้ เกิดขึ้นในตอนวันตรุษจีน เมื่ออาทิตย์ก่อน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไหว้ 7-8 คน มีไกด์คอยพาเที่ยวและก็ดูแลความสะดวกด้วย แม่ค้า กล่าวต่อว่า ลักษณะของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ไม่ได้มาไหว้สักการะบูชาพระพรหมธรรมดา แต่มาแก้บนด้วย ก็เลยได้บูชาหลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ธูปเทียน หมากพูล ตุ๊กตานางกวัก ช้าง แล้วก็ปล่อยนก ซึ่งราคาของสำหรับไหว้สักการะบูชาพระพรหม มีหลายราคาแล้วแต่ลูกค้าจะตัดสินใจ ถามว่า เครื่องสักการะพระพรหมแพงถึงหลักหมื่นไหม แม่ค้าให้ข้อมูลว่า “มีถึงหลักหมื่น” ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าพอใจที่จะจ่าย อาทิเช่น นักท่องเที่ยวชาวจีนบางกรุ๊ป อยากจะซื้อรูปปั้นช้างมากราบไหว้ บางตัวราคาหลักหมื่น หลักแสน แล้วแต่แบบ แล้วแต่ขนาด ซึ่งลูกค้าก็อยากจะได้ตัวใหญ่ ราคาก็จะสูงขึ้น ซึ่งพวกเขาก็จะเข้าใจกันอยู่แล้ว แม่ค้า กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจที่มีชาวเน็ต แสดงความเห็นว่าแม่ค้าไทยเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รับรองว่า คลิปที่เผยแพร่ออกไป ทำให้แม่ค้าที่ขายของอยู่รอบๆดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมันไม่เป็นความจริงเลย มีรายงานว่า จุดที่ขายดอกไม้จะมีด้านนอกบริเวณทางเท้า รวมทั้งข้างในบริเวณทางเข้าศาล ซึ่งทั้ง 2 จุด มีความแตกต่างกันเรื่องการติดป้ายาคา ข้างในศาลจะมีการติดป้ายราคาอย่างชัดเจน โดยดอกไม้เริ่มตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึงชุดละ 300 บาท ด้าน นายกิตติภพ พงศ์พัทธ์พุทธิมา ไกด์ ที่พานักท่องเที่ยวคนจีน มากราบไหว้บูชาพระพรหม บอกว่า ก่อนหน้าที่ผ่านมายังไม่เคยเจอเรื่องลูกทัวร์ถูกหลอก ซื้อดอกไม้ไหว้พระพรหมหลักหมื่นบาท แต่บางคนก็ชอบจัดชุดใหญ่ หรือชอบมาแก้บน ก็จะจ่ายหนัก เพื่อแก้บนและไหว้ขอพรก็มี ซึ่งก็เป็นความพึงพอใจของนักเดินทาง แต่ว่าในฐานะที่เป็นไกด์ ก็จะแนะนำให้นักท่องเที่ยวไปซื้อในศาล จะดีที่สุด เพราะว่ามีราคาป้ายแปะบอกไว้ชัดเจน
‘จตุพร’ ย้อนแสบ ‘ทักษิณ’ ท่านก็หมา ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาก็เป็น ‘จ่าฝูง’ 26/01/2023 Joyce Hale นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และก็อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต้านทานเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อมั่น…ประชาชน” โดยนายจตุพร กล่าวว่า ตนกับ ทักษิณ รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2527 เมื่อครั้งทักษิณ เป็นหัวหน้าพลังธรรมวันแรก จากนั้นร่วมเดินสายการเมืองด้วยกันมา 30 ปี ถ้าเกิดตนคิดเอาแต่ตัวเองรวมทั้งเอาประโยชน์ส่วนตน แล้วจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย แม้ทักษิณบอกสาธารณะ จะให้เป็น รมต. แต่ไม่ได้ ตนก็ยังอยู่รวมทั้งไม่คิดถึงกรณีนี้ เหนืออื่นใดแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมามีความตายมากมาย ตำแหน่ง รมต. เป็นหัวโขนเล็กมาก เมื่อเทียบกับความตายของประชาชน กระทั่งถึง พรรคเพื่อไทยจะออก พรบ.สุดซอย ตนรับได้ยากมาก เพราะว่าต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่กำลังติดคุก แต่รัฐบาลไม่ยอมออกพระราชกำหนด (พรก.) กลับมาออกเป็น พรบ. แทน แล้วไปแปลงสาร ขยับเพิ่มให้นิรโทษกรรมแกนนำและก็พ่วงคดีคดโกงเพื่อเป็นประโยชน์กับทักษิณได้กลับบ้าน สิ่งสำคัญ ตนทักทวงว่า ถ้าเกิดนิรโทษฯ นอกเหนือประชาชนแล้ว มันจะล้มครืนลง แล้วประชาชนจะติดคุก แล้วก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย เขาก็ไม่ฟัง แล้วไปกล่าวที่ประเทศนอร์เวย์ว่า ตนไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน ทั้งยังที่ในวงพูดคุยยุทธศาสตร์ของพรรคมีรองนายกฯ และ รมต. และ พี่เปียเห็นด้วยกับตนว่า อย่าเอาเรื่องคนอื่นเว้นแต่ประชาชนมา หากเอาทักษิณกลับบ้านต้องทำวาระอื่น แต่วาระนี้ต้องตอบแทน ประชาชน ส่วนที่ตายและบาดเจ็บเอาชีวิตแล้วก็ร่างกายกลับคืนมาไม่ได้ แต่คนกำลังสูญเสียอิสรภาพ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น แล้วท่านก็โกรธ “ผมอยากถามทักษิณว่า ตอนทำเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย มีใครไปพบท่านแล้วอยู่กับท่าน ในวงการเขานินทากัน มีเครื่องบินลอยละล่องกันเป็นลำ แต่ทั้งหมดเมื่อไปไม่ได้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาพูดที่หลังว่า เมื่อไปไม่ได้ก็มีความคิดว่าจะกลับมาได้ วันนั้นผมจิตใจสลาย เนื่องจาก จะไม่มีเหตุการณ์ชุมชนของประชาชนเต็มถนนเลยหากเอาเฉพาะประชาชน แต่ไม่เพราะมองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว” นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ ทักษิณ พูดว่า ช่วง 16 ปีท่านก็ถูกเห่า นับตนเป็นตัว และก็ตั้งนามแฝงให้ ตัวเองว่า ถูกเห่า ท่านกล่าวว่าไม่ต้องมาฟังตน ให้ใช้น้ำยาล้างหูไป ก็พยายามหลีกเลี่ยง แล้วก็ใช้ถ้อยคำว่า ถูกเห่ามา 16 ปี 2-3 ตัวแล้วก็ บางตอนก็ 4-5 ตัว มีการนับเป็นตัว เขาบอกภาษาไทย ไม่แข็งแรง แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน “ผมกับนายกฯทักษิณ ปราศรัยเวทีเดียวกัน มาในช่วงอยู่ประเทศไทย และก็ผ่านวีดีโอลิงค์ ต่างกรรมต่างวาระกัน มายาวนานที่สุด หากการบอกของผมเป็นการเห่า บนเวทีนี้ท่านก็ร่วมเห่ากับผมด้วย ถ้าหากผมหมา ท่านก็หมา ท่านอาจเป็น จ่าฝูง ถ้านับบรรดาศักดิ์ของหมู่หมาด้วยกัน” นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าหลักคิด ของทักษิณมองผู้ร่วมต่อสู้ด้วยกันเป็นหมา เป็นตัว แล้วหลีกเลี่ยง การตอบความจริง ดังนั้นท่านต้องนึกช้า ๆ ว่า สิ่งที่ท่านดำเนินการทั้งหมดไปนั้น ถ้าหากตรงไปตรงมา กับประชาชน และไม่พูดถึงตนในทางเป็นเท็จแล้วก็เกิดความเสียหายในช่วงนี้ แล้วตนจะมาบอกเรื่องนี้ในช่วงนี้เพราะเหตุใด ยิ่งไปกว่านี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา หากตนคิดถึงผลประโยชน์แล้วจะอยู่กับท่านได้อย่างไร เพราะเหตุว่า ท่านคิดคดทรยศตนตลอดเวลา พูดปดซ้ำซากจำเจ พูดเท็จแล้วโป้ปดมดเท็จใหม่ซ้ำกันไปซ้ำกัน อย่างไรก็ตาม ตนต้องไปก่อนการยึดอำนาจ เพราะหักกันเรื่องนิรโทษฯ สุดซอย ทั้งเรื่องส่วนตัวก็พูดปด รวมทั้งทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ไม่ว่าเรื่องลงนามรับรองศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แล้วก็เรื่องแก้ รัฐธรรมนูญ และการโกงฉ้อฉล และย้ำว่า ตนกล้ำกลืน ต้องการรักษาความรู้สึกของพี่น้องเสื้อแดง เพราะเหตุว่าเขาตาย เขาเจ็บ หลังการสลายชุมนุม (ปี 2553) ตนตระเวณทุกพื้นที่ท่ามกลางความตาย แต่ทักษิณเสนอให้หนี แต่ตนไม่หนี ซึ่งขณะนั้นเสื้อแดงรวมทั้ง พรรคเพื่อไทยตกต่ำที่สุด พวกเราก็พากันพลิกฟื้น แล้วก็ชีวิตตลอดเส้นทางนั้น ถ้าเกิดตนจะเอาตัวรอด ก็ต้องเอาตัวรอดแล้ว แต่ทำไมตนก็เลยยืนขึ้นสู้ต่อ “ตลอดเวลาที่ท่านหักหลังผมนั้น ถ้าผมคิดเรื่องส่วนตัว ผมจะมาสู้ที่อักษะต่อหรือ? จนกระทั่งมาเห็นมีการสมคบคิด ในเรื่องการรัฐประหาร ทักษิณไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 หรือ? รวมทั้ง (ยิ่งกว่าสิ่งใด) ชัยที่ประชาชนแลกชีวิต ด้วยเลือดเนื้อมาให้นั้น เป็นการแบกความหวังไว้ทั้งปวง นายจตุพร กล่าวว่า ในเรื่อง ICC ก็ไม่กล้ารับ เนื่องจากว่ากลัว พล.อ.ประยุทธ์ จะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดมา สลายคนเสื้อแดง เพื่อไปพึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อีกทั้งที่การชุมนุมตกลงแบ่งกันทำงาน เสื้อแดงคุมเวที พรรคเพื่อไทยจัดระดม ประชาชนมาชุมนุม แล้ววันหนึ่งจากคนเป็นหมื่น แล้วมาเหลือหลักร้อยจะให้คิดกันว่าอย่างไร กระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ เรียกเจรจา แล้ว 22 พ.ค. 2557 ก็ยึดอำนาจ อย่างไรก็ตาม ตนยังบากหน้ากล้ำกลืน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ ตนยังวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกนำตัวไปปรับทัศนคตินับไม่ถ้วน และเป็นแกนนำคนเดียว ที่ถูกถอนประกัน อยู่ในคุกติดเชื้อในกระแสเลือดปางตาย ออกจากคุกจะมีการตัดสิน คดีจำนำข้าว ก็เอาตนเข้าคุกด้วยคำตัดสิน ของศาลฎีกาทั้งที่ศาลชั้นต้นแล้วก็อุทธรณ์ยกฟ้อง เมื่อออกคุกมาก็ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในนานไทย ไม่ทนก็ถูกขังคุกอีกในคดีเดิมที่ปล่อยตัวมาแล้ว อีกทั้งเดือนหน้า (เดือนกุมภาพันธ์) ตนก็จะถูกคดีฟ้องยึดบ้าน และก็ล่าสุดจะถูกฟ้อง เพิ่มเติมอีกคดีจากเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีที่แล้ว “ถ้า 8 ปีนี้ ผมเอาเพียงที่ท่าน (ทักษิณ) หักหลังผม ไปแสวงหาผลประโยชน์ กับรัฐบาล คสช. ผมก็ไม่ต้องติดคุก ผมก็ไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่ต้องมีคดีมากมาย เนื่องจากว่าเรายืนหลักในความถูกต้องตลอดเวลา อีกทั้งฝ่ายเดียวกันไปทำผิดพลาด ผมก็กล้ำกลืน ถ้าผมคิดประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ผมจะอยู่แบบนี้หรือ?” อีกอย่าง การต่อสู้ของพวกเราเป็นมาสม่ำเสมอ นั่งจัดรายการต่าง ๆ เพื่อต้องการหยุดอำนาจ 3 ป. ออกไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวม ประชาชนก็เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย แล้วมีเรื่องอะไร ไปสกัดแลนด์สไลด์ของทักษิณ พร้อมกล่าวว่า ท่านรู้หมดว่า ใครคุยอะไรกับใครที่อยู่ประเทศไทย คนไปคุยกับท่านที่เมืองนอก ตนก็รู้หมดเช่นเดียวกัน ในประเทศไทยดุด่ากันเกือบตาย ในช่วงสู้รบ อะไรก็ใช้ไม่ได้ ไอ้นี่เหล่านี้ ไอ้นั่นพวกนั้น เลือกตั้งเสร็จไอ้พวกนี่และก็คนพวกนั้นไปพบท่าน แวดล้อมไปหมด มันตำตาตนทั้งหมด “ผมต้องการจะบอกนายกฯทักษิณ ที่ท่านบอกถูกเห่า ผมจะบอกท่านว่า ถ้าหากผมหมา ท่านก็คือหัวหน้าหมา แล้วเราพูด ภาษาหมากันมานานแล้ว หมามันมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง (นิ้วเคาะโต๊ะเสียงดัง) คือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ท่านยังเป็นหมาไม่ได้เลย หรือเป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้น คือความซือสัตย์ระหว่างกัน เนื่องจากแลกชีวิตแล้วก็ตายได้ตลอดเวลา ถ้าหากมองเห็นแก่ตัวก็ต้องหนีตามท่านสิ ประเพณีนี้เมื่อหัวหน้าหนีก็จะดี เมื่อผมไม่หนีก็เป็นตัวแปลกอยู่แล้ว” นายจตุพร กล่าวว่า ที่ไม่หนีเพราะต้องการทวงความยุติธรรม ให้ประชาชนที่ตาย และก็เดินทางทักทายแลกเปลี่ยนชีวิตมาตลอด แต่หลายคนที่ถูกท่านประณาม สบประมาท ในไทยก็ไปเจอท่านที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุดังกล่าว เหตุที่ไม่ตอบ ทักษิณก็อธิบายได้ อย่าอ้างเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่มีข้อเท็จจริงมันปรากฎด้วยคำบอกเล่ามาแล้ว อีกทั้งเรื่องเสียงปืนนัดแรกดังจะกลับมา แต่เสียงปืนผ่านไปสองแสนนัด ประชาชนตายเป็นร้อยศพท่านก็ไม่กลับมา ยิ่งไปกว่านี้ ทักษิณยังพูดถึงพายเรือไปส่ง เสื้อแดงไม่ต้องตามมา เนื่องจากว่าการกล่าวเช่นนี้เป็นการแลกกับข้อตกลง จะได้กลับบ้าน เพราะว่าท่านคุยกับตัวเองจำได้หรือไม่ ด้วยเหตุนี้ ทุกอย่างท่านยอมแลกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แล้วก็ทราบว่าท่านทำอะไรได้บ้าง อีกอย่างก็ทราบดีว่า ตนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีนักหรอก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมาด้อยค่าตน เย้ยสบประมาทเป็นคนทรยศ หักหลัง อีกทั้งที่ทักษิณเป็นคนหักในการต่อสู้ตลอดเวลา แม้ท่านรับปาก ประกาศให้ได้ยินกันทั่วไป แต่คนที่รักกันอย่างหน้ามืดตามัวก็พูดว่า ทักษิณบอกผิดสักกี่ครั้งก็ได้ เหมือนบอกกลับบ้านปี 2565 ไม่ได้กลับก็บอกเป็นเรื่องระบบฟอกเลือด ท่านก็ไปของท่านอีก “ท่านหลีกเลี่ยงตอบว่า จะจับมือกับพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ ก็มากล่าวในประเด็นว่า เรื่องจะกลับประเทศไทยจะไม่ออกกฎหมาย จะไม่เกี๊ยะซียะ (รอมชอม) กับพลังประชารัฐ และไม่ใช้ พรรคเพื่อไทยด้วย ผมต้องเรียกไปยังนายกฯ ทักษิณว่า ผมได้ยินมาอยู่แล้ว ยาวนานหลายวันที่ผ่านมาคงจำกันได้ ผมว่ามันมีดีล (ข้อตกลงลับ) หนึ่ง ซึ่งเป็นดีลที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรจะดีล และไม่มีวันจะเป็นไปได้อีก และนี่หนักกว่าสุดซอย เนื่องจากหนึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะ สองยิ่งกว่าการลักหลับ รวมทั้งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ผมขอไม่อนุญาตอธิบายความ” นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ทักษิณ ต้องคดีถึงที่สุดแล้ว แต่คดีหลังไม่มีอายุความ มีคำวินิจฉัยรวมโทษประมาณ 12 ปี ด้วยเหตุดังกล่าว ในทางกฎหมาย เมื่อทักษิณกลับไทยต้องถูกจับตัวส่งศาล แล้วเข้าคุก แต่มีข้อเท็จจริงบ้างประการว่า มีดีลพิเศษ แต่ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร และตอนสุดซอยที่ใช้ลักหลับแต่ครั้งนี้จะลักหลับของแท้ ที่อธิบายเรื่องนี้ เนื่องจากตนพยายามหลีกเลี่ยงถ้อยคำภาษา ยิ่งกว่านั้น ดีลพิเศษนี้ ความเป็นจริงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องแลนด์ สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามตั้งคำถามว่า อยู่ดีๆมาพูดเรื่องนี้ไปรับงานใครมา ทั้งที่สุดทนมาตั้งแต่ถูกหลอกใช้ให้ไปพบเสียงช่วยพรรคเพื่อชาติเมื่อปี 2562 ส่วน นปช.อีกกลุ่มก็แยกไปช่วยพรรคไทยรักษาชาติ แล้วมาล่าสุดการเดินสายหาเสียงช่วย นายก อบจ เชียงใหม่ ก็ขาดสะบั้น ใจสลายเลย “เราอยู่ท่ามกลางความปวดอยู่แล้ว ถ้าหากไม่มาดูแคลน ผมก่อน โดยหยามว่า ไปรับงานใครมา แล้วผมก็ตอบกลับด้วยตรรกะเดียวกับทักษิณไปบอกที่ฮองกงนั้นว่า ท่านไปรับงานใครมาที่มาดูแคลนผม แต่ท่านไม่เข้าใจว่า มนุษย์ยอมตาย แลกเปลี่ยนชีวิตกันได้มันมีเรื่องศักดิ์ศรีของมันอยู่ ดูถูกหลายทีจนถึงได้ใจ ไม่นึกว่าวันใดวันหนึ่งหนึ่งมันจะทนไม่ได้เอานะ “เมื่อมาเหยียบอีก บ้วนน้ำลายใส่ ก็สุดทนเลย ทั้งที่ถูกดูถูก ทำอยุติธรรมกับผมมานานแล้ว และที่สำคัญที่สุดไม่ยุติธรรมกับประชาชนมานานแล้ว และก็ใครมันจะทนได้ หักหลังกันตลอดทางมา 30 ปีตั้งแต่คบกัน” นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ไม่ได้รับงานใครมา ถ้าเกิดทักษิณไม่พูดถึงตนก่อนในลักษณะที่ดูแคลนลาน เรื่องนี้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่ออกมาบอก แต่ไม่ตอบโต้ กลับใช้แนวทางกระแนะกระแหน อธิบายแออัดยัดเยียดว่า รับงานใครมา แล้วตนจะติดคุกหรึอ? เข้า ๆ ออก ๆ คุกมีคดีความมากมายกว่าแกนนำทุกคน นายนิติธร กล่าวว่า เข้าใจรู้สึกและทราบถึงเรื่องราว ก็เลยเข้าใจมากขึ้นว่า เพราะอะไรเพื่อไทย-ทักษิณ ไม่ออกมาตอบโต้ เป็นเนื่องจากกล้วความจริงจะหลั่งไหล ออกมามากมาย ฉะนั้น ทักษิณจึงต้องเบียงเบนไปทางเยาะสบประมาทเท่านั้น พร้อมด้วยกล่าวว่า ที่ฟังมานั้น การที่นายจตุพร ไม่หนีคดีจึงก่อปัญหา กับตนเอง ด้วยเหตุว่าทักษิณหนี คดีจึงต้องการให้ทุกคนหนีหมด ไม่ต้องการให้ใครมายึดโยงประชาชน และไม่ต้องการให้ทราบในสิ่งที่เขาทำกับประชาชน “พอไม่หนีคดี แล้วไปอ้างต้องดูแลประชาชน มันจึงทำให้ความรู้สึกประชาชนต้อง แบกน้ำหนัก และก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นคู่แค้นและก็เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และหนักใจกับคดีชุมนุม”
"แพท ณปภา" เปิดใจคบหนุ่มรุ่นน้อง อายุห่าง 14 ปี ยังไม่มีสถานะขอแค่อย่าหวั่นไหว 24/01/2023 Joyce Hale ไม่ปล่อยให้สงสัย หรือคาใจกันนาน สำหรับนักแสดงสาว แพท ณปภา ตันตระกูล หลังจากที่มีกระแสข่าวซุ่มคบ กับหนุ่มรุ่นน้อง อายุห่างกันถึง 14 ปี โดยได้ศึกษาดูใจกันมา 1 ปีแล้ว อีกทั้งยังมีโปรไฟล์ ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย ล่าสุด แพท ณปภา ได้ออกมาเผย ขณะเดินทางมาร่วมรอบกาล่า เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ทิดน้อย ก็ได้ชี้แจงถึงเรื่องราวทั้งหมด ให้ฟังแบบชัด ๆ “มันไม่มีอะไรเลย คือในตอนนี้ไปไกลกันเยอะแล้ว เอาง่าย ๆ คือเขาเป็นเด็กธรรมดา คนหนึ่งเลยดีกว่า และก็แพทก็ไม่รู้ว่าโปรไฟล์พวกนั้น มันมาจากไหน เพราะแพทก็ไม่เคยบอกว่า เป็นโปรไฟล์อะไรยังไง แพทบอกแค่ว่าเขาอ่อนกว่า ถามเรียนจบไหม แพทก็บอกได้เลยว่า ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่าเรียนอังกฤษ 7 ปี เท่านั้นเอง” “แล้วพอคนไปหารูป ไปหาอะไรมาเยอะ ๆ แพทเองใจไม่ต้องการจะเปิดเขาอยู่แล้วด้วย พอเกิดเรื่องอย่างงี้ เขาก็จะเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เราก็บอกไปว่าไม่เป็นไร อยู่ไปแบบเดิมแหละ มิได้มีปัญหาอะไร” โปรไฟล์ที่บอกมามีตรงบ้างไหม ? “แพทไม่ได้อ่านเลย เอาจริง ๆ เราคิดว่าโปรไฟล์เขา ที่เอามาจากไหนก็ไม่ทราบ เท่าที่เราคุยกันมา 1 ปี เราไม่ได้ถาม เรารู้ง่าย ๆ ว่าเขาเคยไปเรียนอังกฤษมา 7 ปี และก็จบเพียงตรงนั้นเลย เนื่องจากเราไม่ได้มีสถานะ และก็เราก็ไม่ได้คุยกัน เพื่อที่เราจะพัฒนาไปไกล แพทเลยไม่ได้ลงรายละเอียดว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน รู้แค่ว่าพอคุยกันไป คุยกันมา เขาช่วยซัพพอร์ตเราเรื่องงาน ช่วยเราในหลาย ๆ เรื่อง มันเลยกลายเป็นว่าระยะเวลา ในการคุย เขาเลยยืนระยะได้มา 1 ปีค่ะ” สรุปว่าเป็นแฟนใหม่ของเราได้ไหม ? “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ คือแพทมิได้ให้สถานะ แพทบอกแล้วว่าถ้าวันนี้ เขาอยากจะมาเป็นแฟนเราอะ ให้เขาเดินออกจากเราได้เลย ถ้าเกิดต้องมาเปิดตัว แล้วก็มาพูดกับคนอื่นว่า เป็นแฟน ๆ แพทไม่เอา แพทอยากได้คนคุย ที่ซัพพอร์ตเราเรื่องงานได้แค่นั้นเอง แต่ว่าจะให้แพทมาลงรายละเอียด มาลงภาพคู่ หรือพยายามบอกอะไรแบบนี้ มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน” คุยกับเขาชัดเจนแล้วใช่ไหม ? “ชัดเจนตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ จริง ๆ เขาไม่ได้คาดหวัง เป็นทีแรกการคุยเขาคงคาดหวังว่า มันจะพัฒนา แต่ตัวเราเป็นคนบอกเองว่า ไม่ต้องคาดหวัง เพราะว่าตราบใด ที่มีการคาดหวัง คุณผิดหวังแน่ๆ ฉะนั้นถ้าอยู่ในอย่างงี้ได้ อยู่ไปเรื่อย ๆ นะ ถึงวันหนึ่งหากมันจะใช่ มันก็ใช่เอง แต่ถ้าเกิดการคุยกันแล้วรู้สึกว่าต้องการสถานะ เวลานี้ให้เลิกคุยได้เลย” แต่เขาก็ลงรูปใน IG ? “เราอนุญาตค่ะ รูปเดียว จริง ๆ การลงรูปนั้นมันจะไม่ใช่ปัญหาเลย หากแพทไม่พลาด ลงหน้าเขาเยอะไปหน่อย อันนี้คือบอกเลย พลาดเลย เพราะเหตุว่าจริง ๆ ไม่มีใครรู้จัก IG เขาอยู่แล้ว แพทไม่เคยพูดชื่อเขา ไม่เคยลงรูปเขาอยู่แล้ว ปัญหาก็คือวันนั้นที่เราอนุญาตให้เขาลง เราไม่คิดว่าจะมีคนรู้ IG เขา ส่วนเราจะโทษใครมิได้ ต้องโทษตนเองว่า ดูมาตั้งหลายรูป คุณพลาดรูปที่ 3 ได้อย่างไร ลงไปแล้ว มารู้ตัวตอนเช้า อวยพรอะไรกันคะ อ่อ! เห็นเยอะไปหน่อย” สถานะขณะนี้ โสด หรือ ไม่โสด ? “คือจริงๆ เพราะอะไรจะต้องมาคาดหวังว่าแพทจะ โสด หรือ ไม่โสด เนื่องจากในระหว่างทาง แพทมีคนคุยตลอด อันนี้แพทบอกอันที่จริงแล้วทำไมจะต้องให้แพทมาบอกสถานะตัวเอง ตลอดเวลา คนที่คุยบางทีอาจไม่ได้ไปต่อ มีตั้งเยอะตั้งแยะ คนที่ไปต่อก็ไม่ทราบว่าจะ ยืนระยะเวลาได้นานมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นแพทเลยบอกว่า โอเค คนนี้จะไปแบบนิ่งๆเนิบๆ” คนนี้คือไม่ใช่แฟนในอนาคตแน่นอน? “แพทยังไม่รู้เลย ถ้าหากเขาอยู่ได้ในอย่างนี้ไปจนกระทั่งเรา 40 จนเราแบบโอเค หันไปแล้วยังเจอเขาอยู่ เขาก็อาจจะใช่” หรือเนื่องจากว่าเราถือเคล็ดไม่อยากเปิดตัว เกี่ยวไหม ? “หนึ่งเลยเป็นเกี่ยวกับตัวเรา และก็ตัวเขา เรายังมีความรู้สึกถึง เรื่องอายุอยู่ อันนี้ติดที่เราเอง แพทคิดว่า 14 ปี ยังไงก็ยังห่างไป ในระหว่างที่เขายังไม่เคยเจอ อะไรในโลกหล้านภาลัยเลย แต่เราอะ ผ่านมาหมดแล้ว ดังนั้นคุณไม่ไปใช้ชีวิตวะ เรายังมีอันนี้อยู่ในหัว คุณยังใช้ชีวิต ได้อีกเยอะเลย ในระหว่างที่ผม 14 คุณเพิ่งอุแว๊เองครับ คุณไปใช้ชีวิตก่อนไหม แต่หากวันหนึ่ง คุณยังยืนยันว่าไม่ครับ ผมจะซัพพอร์ตคุณไปเรื่อยๆ เขาก็อาจเป็นคนที่ใช่ก็ได้” แต่ข่าวออกไปไกลมากว่าเขาเป็นแฟนใหม่ แพท ณปภา แล้ว ? “อยู่ในจุดเดิม ให้มั่นคงที่สุดแค่นั้นพอ ใครจะพูดอะไรอย่างไร คือให้อยู่ในจุดเดิม และไม่ต้องไปหวั่นไหวกับอะไร แพทขอแค่นี้” คุยอยู่กับคนนี้คนเดียวใช่ไหม ? “คนเดียว ด้วยเหตุว่าคนอื่นยืนระยะไม่ได้ คนอื่นเขาอยากได้เยอะ เราให้ไม่ได้ เราก็ให้เขาไปป้ายอื่น ใครยืนระยะกับเราได้ เข้าใจเราเยอะที่สุด เราก็จะคุยกับคนนั้นนานที่สุด” มีระบุไหม ว่าช่วงเวลานานขนาดไหนถึงจะเลื่อนขั้นเป็นแฟนได้ ? “อันนี้เป็นคำถามมาก ในตัวของแพทนะ แพทมั่นใจว่าเขาก็มีคำถาม แต่ว่าแพทก็ยังตอบไม่ได้ว่า มันจะต้องกี่ปี นี่ปีหนึ่งยังไม่พออีกเหรอ ก็ยัง เพราะมันยังมีรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ ที่เรายังมองข้ามมิได้ไง ถ้าหากวันไหน เรามองข้ามเรื่องตรงนี้ได้ มันก็อาจจะเป็นไปได้”
ชูวิทย์ เปิดเอกสารลับ ใครเป็นผู้ริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรู ปลอม 20/01/2023 Joyce Hale ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ กับ ตำรวจ ใครเป็นผู้บุกเบิกเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร วันที่ 19 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองมีชื่อเสียง โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเอกสารลับ ดีเอสไอ มีรายละเอียดดังนี้ ผู้คนสงสัย ว่างานนี้เริ่มจากไหน? ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาว ที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร ด้วยเหตุว่ากลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทา ตบท้ายมีการ อมเงินของกลาง รวมทั้งปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกร่วงไปเกือบจะ 10 ล้าน ผมได้นำคลิปเปิดเผย ให้เห็นเสมอเหมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์ หลังจากนั้นมีการโยน กันไปมา ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี” เพื่อแจกแจงข้อเท็จจริง การตรวจหา ว่าเงินของกลาง ที่หายไป ตอนยึดไม่ได้ถือว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สน.ทุ่งมหาเฆม เลย (โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 เพราะเหตุว่าดีเอสไอไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับ เป็นคดีความพิเศษ ก็เลยไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นคนตรวจนับ แล้วก็เซ็นเอกสารการนับเงิน) กรณีการขอหมายค้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ แจกแจงว่า ถ้าหากรอรับเป็นคดีความพิเศษ จะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี จึงได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วน เพื่อขอหมายค้น บ้านดังกล่าว (แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน และแทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง) ท่านอธิบดีดีเอสไอ คงดีใจที่ถูกเด้ง เนื่องจากหน่วยงานดีเอสไอ ในระยะหลังมีแต่ข่าวฉาวมาเป็นระยะๆ คงเป็นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา จึงไม่มีใครคุมใครได้ และแต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง. ท่านอธิบดีก็เลย ถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย อสส.สั่งฟ้อง ตู้ห่าวกับพวก ทุนจีนสีเทารวม 41 คน ข้อหาค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ฯ “นารี” อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ตู้ห่าว กับพวกทุนจีนสีเทารวม 41 ราย นำคำฟ้อง 332 หน้ายื่นต่อศาลอาญา กรุงเทพใต้ หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติโทษ สูงสุดประหารชีวิต เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 แล้วก็ อัยการสูงสุดได้พิจารณา สำนวนการสอบสวนคดี ดังกล่าวแล้ว นั้น เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด จึงได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบคิด โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 แล้วก็ประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะ เป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชน แล้วก็ โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และก็ประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน รวมทั้งด้วยกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินการ ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยร่วมมือกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดรุนแรง เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ด้วยกันมีอาวุธปืนรวมทั้งเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ด้วยกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดย คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยละเมิดต่อกฎหมาย, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ปิดบัง หรือช่วยด้วยประการอะไรก็ตามให้คนต่างด้าวที่เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับตัว และในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมาย ให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายจรูญ ธีรนานนท์ และในวันที่ 19 ม.ค.วันนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีความหมายเลข ย 87 / 2566 จำเลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อได้ตัวมาฟ้องร้องถัดไป รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวเหตุว่า โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น แล้วก็อัยการสูงสุดได้มีคำสั่ง ที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีถัดไปด้วย ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน หากแม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ และก็กำกับการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลา ตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตแล้วก็มีอายุความ 30 ปี
ดีเจมะตูม ขอโทษแม่ มีข่าวเสียหายอีกแล้ว ก้ง101ร่ำไห้! ยันเอาเรื่อง วาวา ถึงที่สุด 18/01/2023 Joyce Hale ดีเจมะตูม เปิดเผย จัดฉากจับโจร ไม่ได้ทำตามใจตนเอง แค่ต้องการคุ้มครองป้องกันเกียรติศักดิ์ ขอโทษแม่ มีข่าวเสียหายอีกแล้ว ก้ง 101 ร่ำไห้ สูญเงิน 8 ล้าน กว่าจะได้มา ยากมาก ยัน เอาเรื่องถึงที่สุด เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2566 หลังจบรายการ โหนกระแส ดีเจมะตูม เตชินท์ พลอยเพชร และก็ นายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 ผู้เสียหาย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน กรณีสาวมิจฉาชีพ ชื่อ วาวา ทำทีตีสนิทและแอบอ้างชื่อ พร้อมเชิญชวนคนอื่น ให้ร่วมลงทุนต่าง ๆ มีผู้เสียหายสูญเงินกว่า 8 ล้านบาท ก่อนมีคลิป มะตูม จัดฉาก ล่อเหยื่อมิจฉาชีพ คนดังกล่าว ทำทีว่าจะเลี้ยงปีใหม่เข้ามาที่ร้านอาหาร ที่ตนเป็นเจ้าของ ก่อนให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจแสดงตัวจับทันทีทันใดตามที่เป็นข่าวเสนอ ไปก่อนหน้านี้ อ่านข่าว ดีเจมะตูม จัดฉากเดือดรวบ วาวา มิจฉาชีพ ถลกกางเกง อึ้งอีเอ็ม ตุ๋นสิบ ๆ ล้าน ดีเจมะตูม เปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ก่อเหตุไม่ถึง 1 เดือน ตอนแรกทำทีเป็นลูกค้ารวย ๆ เข้ามาที่ร้านค้า และเปย์จ่ายค่า อาหารเครื่องดื่ม จากนั้นพอได้คุยกัน ผู้ก่อเหตุชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจ อ้างว่า จะให้เป็นหุ้นส่วน แต่ยังไม่มีเวลา ไปทำเรื่องซื้อขายที่ดิน ตนก็เลยเลขาส่วนตัวช่วยประสานให้ทุกอย่าง จนกระทั่งกระทั่ง ถึงวันซื้อขายที่ดิน ผู้ก่อเหตุไม่ยอมมา แต่โอนเงินให้เลขา 1 ล้าน เพื่อยืนยันว่า จะซื้อที่ดินแน่นอน พอหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง กลับให้เลขาของตนเองโอนกลับไป พร้อมบอกกลับบ้านไปได้เลย ส่วนเรื่อง ซื้อขายที่ดิน จะดำเนินการต่อเอง ทำให้ตนเริ่มสงสัย พอพิจารณาก็เลยพบว่า ผู้ก่อเหตุ มีคดีความติดตัวอยู่ หลังจากนั้นตนก็เลย ตีตัวออกห่าง ดีเจมะตูม บอกอีกว่า พอได้คุย กับน้องก้งที่เป็นผู้เสียหาย จึงทำให้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุแอบอ้างชื่อตน ไปหลอกให้ร่วมลงทุน 8 ล้านบาท ทำให้ตนเกิดความไม่สบายใจ อยากช่วยผู้เสียหาย และต้องการจะยืนยัน ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับขบวนการมิจฉาชีพ ก็เลยวางแผนกันว่า จะพาผู้เสียหาย มาที่ร้านของตนเอง ในวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นวันที่ร้านค้าหยุด แต่จะจัดฉากให้ราวกับร้านค้าเปิดตามปกติ พอผู้ก่อเหตุมามาถึงร้าน จึงเกิดเหตุการณ์ ขึ้นตามคลิป ซึ่งมีตำรวจมาด้วย เนื่องจากว่าก่อนนี้ได้ปรึกษาตำรวจแล้ว เหตุเพราะผู้ก่อเหตุยังมีหมายจับ จากคดีอื่น ๆ ด้วย ตอนที่ผู้เสียหาย กับผู้ก่อเหตุยื้อกัน ตนเห็นมีวัตถุบางอย่าง อยู่ตรงข้อเท้าผู้ก่อเหตุ ตอนแรกคิดว่า อาจจะเป็นระเบิดหรือปืน เพราะเหตุว่าดูละครเยอะเกินไป แต่พอเปิดดูมองเห็นผู้ก่อเหตุใส่กำไลอีเอ็ม ในคลิปหลายคนคิดว่ารุนแรง แต่ไม่มีการเถียงวิวาท ถึงขั้นรังควานร่างกาย มีเพียงแค่ ราดน้ำอัดลมใส่ หัวเท่านั้น ซึ่งตนเป็นคนห้าม ยืนยันว่า เหตุการณ์ในคลิป ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง แต่ต้องการออกมาปกป้องรักษากิตติศัพท์ตัวเอง ดีเจมะตูม บอกอีกว่า อยากขออภัยแม่ อยากกอดแม่ เพราะว่าเคยสัญญาไว้ว่า จะไม่มีข่าวสารเสียหายอีกแล้ว ทำให้แม่เครียด แต่ต้องการที่จะให้แม่รู้ว่า สิ่งที่ทำเพราะยืนยัน ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ด้วยเหตุว่าหลังจากที่เป็นข่าว มีผู้เสียหายติดต่อ เข้ามาเยอะแยะมาก ด้านนายณัฐกานต์ เหล่าน้ำใส หรือ ก้ง 101 เปิดเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ อ้างถึงว่า รู้จักกับดีเจมะตูม มานาน 2-3 ปี แล้วก็มีการสร้างโปรไฟล์ เพื่ออวดอ้างถึงว่าตนเองมั่งมี ทำธุรกิจหลายอย่าง จนกระทั่งกระทั่งตนหลงเชื่อ ร่วมลงทุนไป 8 ล้าน ทำธุรกิจออมทอง รวมทั้งธุรกิจอื่น ๆ จากนั้น ผู้ก่อเหตุพาตน ไปดูตู้เซฟ ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง กล่าวถึงว่า ข้างในตู้เซฟมีทอง 1,000 บาท รวมทั้งกล่าวว่าหากลงทุนไปแล้ว ไม่ได้เงินคืนมา ให้นำกุญแจไป มาไขเอาทองในตู้นิรภัยได้เลย พร้อมทั้งให้กุญแจไว้ เป็นหลักประกัน สร้างความน่าเชื่อใจ ยิ่งทำให้ตนหลงเชื่อ นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ผู้ก่อเหตุยังขายรถปอร์เช่ รุ่นบ็อกซเตอร์ ในราคา 2.5 ล้าน จากราคาเต็ม 5 ล้าน และก็ขายนาฬิกาปาวางท่า ในราคา 2.5 ล้าน แต่ให้มัดจำก่อน 5 แสน หากมีเมื่อไหร่ค่อยมาจ่าย แต่พอรู้ความจริงว่าถูกหลอก เนื่องจากว่ายังไม่ได้เงิน ตามที่ตกลงไป พอไปสืบถึงทราบว่าผู้ก่อเหตุ ขายนาฬิกาปาเต๊ะ เลียนแบบให้ ส่วนรถปอร์เช่รุ่นบ็อกซเตอร์ ก็ไปเช่ามาเป็นรายวัน จึงขอความเห็นทนายและก็ดีเจมะตูมด้วยกันจับมิจฉาชีพ จนถึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นตามคลิป นายณัฐกานต์ บอกอีกว่า ตนไม่ได้เกินกว่าเหตุ แต่ต้องการช่วยทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เพราะว่ามีผู้เสียหายเยอะมาก รวมมูลค่า 100 ล้าน ส่วนเงิน 8 ล้าน ที่ถูกโกงไป มาจากการไลฟ์สดขายสินค้าเช้าถึงเย็น มีพ่อแม่ช่วยไลฟ์ด้วย เหนื่อยมากกว่าจะได้เงินมาขนาดนี้ แม่ว่าจะได้เงินกลับคืนมายาก แต่จะสู้ให้ถึงที่สุด ไม่อยากที่จะให้คนก่อเหตุออกมาหลอกคนอื่นอีก ทางด้าน นายศีรวิษ สุขชัย หรือ ทนายเบียร์ เปิดเปิดเผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายรู้ว่าโดนโกงแล้ว ก็ได้นำกุญแจที่ผู้ก่อเหตุให้ไว้ ไปไขตู้เซฟที่ธนาคาร แต่ไม่สามารถเปิดได้ ตนก็เลยไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกง และอายัดตู้เซฟไว้ก่อน หลังจากแจ้งความไปแล้ว พบว่า ผู้ก่อเหตุมีหมายจับ 9 คดี แต่ถอนไปแล้ว 8 คดี ทำให้ยังเหลือหมายจับอีก 1 คดี อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนเกิดเหตุการณ์ในคลิป ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางซื่อ พอผู้ก่อเหตุเข้ามาที่ร้าน ทางตำรวจจึงควบคุมตัว ไปฟ้องร้องคดีทันที ซึ่งคดีที่ผู้ก่อเหตุถูกจับนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับลูกความของตน
“ทรงอย่างแบด” ไม่ได้เป็น เพลงชาติ สำหรับวัยรุ่นฟัน น้ำนมอย่างเดียว ยังเป็นขวัญใจวัยรุ่นฟันปลอม และฟันผุ! 16/01/2023 Joyce Hale กลายเป็นกระแสอยู่ไม่น้อย สำหรับเพลงชาติวัยรุ่นฟันน้ำนม ที่น้อง ๆ หนู ๆ ร้องกันกระจาย มีหลากหลายคลิป ออกมาเรียกรอยยิ้ม สำหรับ ทรงอย่างแบด ของวง Paper planes ที่มีสองสมาชิกอย่าง “ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ” นักร้องนำ กับ “เซน นครินทร์ ขุนภักดี” มือเบส โดยวันนี้ ซาฟารีเวิลด์ เตรียมแตก ด้วยเหตุว่า สองหนุ่มจะไปแสดงโชว์ เซอร์ไพรส์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ วันเด็กแห่งชาติ 2566 ซึ่งตอนนี้ กระแสนิยมเพลงทรงอย่างแบดไม่ได้ถูกใจเพียงแค่วัยรุ่นฟันน้ำนม เนื่องจากว่ากำลังลุกลามไปถึง วัยรุ่นฟันปลอม หลังจากที่มีคลิปโยกหัว กันกระจุย ในงานเปิด โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลนคร พระนครศรีอยุธยา ขณะที่วัยรุ่นฟันผุ อย่าง “ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย” ที่ปลื้มทั้งสองหนุ่ม เป็นอย่างมาก ถึงกับขนาดขอร่วมเฟรม พร้อมเผยภาพและก็แคปชั่นในอินสตาแกรมว่า “ร้องเมื่อเช้าเจอน้องตอนบ่าย ขวัญใจฟันน้ำนมแล้วยังขวัญใจฟันผุด้วยนะครับ” ทำแฟนๆเข้ามาเมนต์ฮากันกระจาย ทรงอย่างแบด กระหึ่ม ! Paper Planes ทำสวนสัตว์แทบจะแตก-แถมน้องโลมา… คิวอย่างเป๊ะ !! ทรงอย่างแบดฟีเวอร์จัด ปังไม่ไหว ! Paper Planes ขึ้นโชว์วันเด็ก 2566 ที่ซาฟารี เวิลด์ วัยรุ่นฟันน้ำนม พร้อมใจร้องดัง กระหึ่มลั่นสวนสัตว์ ฝูงน้องโลมากระโดด โชว์ตัวถูกจังหวะ รู้คิวสุด ๆ กะจะทำเซอร์ไพรส์ เหล่าแฟนๆวัยรุ่น ฟันน้ำนม ในวันเด็กปี 2566 แต่แผนของ 2 หนุ่มสุดร็อก ฮาย ธันวา และก็ เซน นครินทร์ จากวง Paper Planes ก็ดันมาถูกเฉลยซะก่อน ว่าจะไปจัดการแสดงดนตรีที่สวนสัตว์ ซาฟารี เวิลด์ ทำให้งานนี้ เหล่าผู้ปกครองต่างเตรียมความพร้อม พาลูก ๆ มุ่งตรงไปร้องเพลง “ทรงอย่างแบด” กันอย่างใจจดใจจ่อ รวมทั้งถึงวันเด็กแห่งชาติ ที่เหล่าวัยรุ่นฟันน้ำนม รอคอย งานนี้ก็มีผู้ปกครอง จากทั่วสารทิศ มารวมตัวกันที่สวนสัตว์ ซาฟารี เวิลด์ กว่า 5,000 คน จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ วงร็อกสวนสัตว์แตก ถึงแม้ทั้งสองหนุ่ม จะมาโชว์เพียงแค่เพลงเดียว ด้วยเหตุว่าต้องไปทำงาน ของวงต่อ แต่เมื่อเสียงเพลงทรงอย่างแบด ดังขึ้น เด็ก ๆ ก็พร้อมใจกัน ร้องเสียงดัง ฟังชัด กระหึ่มลั่นสวนสัตว์เลยทีเดียว แถมยังปิดท้ายโชว์ สุดประทับใจ ด้วยฝูงน้องโลมาที่กระโดด ขึ้นมาจากสระน้ำ ได้เข้ากับจังหวะเพลงสุด ๆ ทำให้งานนี้ได้ใจวัยรุ่นฟันน้ำนมและผู้ปกครองไปเต็ม ๆ นอกเหนือจากนั้น ฮาย Paper Planes ยังได้กล่าวความรู้สึก ที่มาร้องเพลงในวันนี้ด้วยว่า “พวกเรามีความคิดว่า ซาฟารีเวิลด์ เป็นที่แรกที่ทำให้พวกเราได้เห็นคลิปและได้รู้จักกับน้อง ๆ เราเลยมีความรู้สึกว่าวันเด็กนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เจอกับน้อง ๆ เลยขอทางทีมงาน ติดต่อทาง ซาฟารีเวิลด์ เพื่อมาเจอกับน้อง ๆ แบบจริง ๆ และก็เราอยากขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ ของน้อง ๆ ที่ให้พวกเราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลกัน พวกเราอาจจะถูกเรียกว่าเป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ผมคิดเสมอว่าตัวเองเป็นพี่ ๆ ของน้อง ๆ ผมเองก็ยังไม่ได้อยู่ในวัย ที่ทุกอย่างถูกต้อง ยังมีผิดบ้างและก็ดีบ้าง แต่ผมมั่นใจว่าเราแล้วก็ผู้ปกครองจะร่วมมือกันพาน้อง ๆ ไปอยู่ในจุดที่สมเหตุสมผลและก็อยู่ในจุดที่ดีที่สุด ขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ ที่ซัพพอร์ตพวกเราและก็ สร้างมาตรฐานใหม่ การไม่ตัดสิน คนจากภายนอก” เปิดประวัติ ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม มาทำความรู้จัก ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนม ผู้ครอบครองผลงาน เพลงสุดฮิต ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’ Paper Planes วงร็อกอัลเทอร์เนทีฟ จากค่าย Genie records ที่ประกอบไปด้วย 2 สมาชิก ฮาย ธันวา (ร้องนำ) แล้วก็ เซน นครินทร์ (เบส) เดบิวต์อย่างเป็นทางการในช่วงปี พ.ศ. 2560 ภายใต้โปรโปรเจกต์อัลบั้ม Showroom Vol.3 และปล่อยผลงานเพลงแรก ออกมาในชื่อเพลง ก่อนเสียเธอไป ต่อด้วย ซ้ำซ้ำ, เก็บฉันไว้ทำไม, คำตอบเดิม, กุหลาบพิษ, ไร้ความหมาย, ความคิดถึงที่ส่งไปไม่ถึง แล้วก็ กำหมัด จนเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ออกมา ปล่อยเพลง ป๊อปพังก์ สุดร้อนแรง ที่มีเนื้อหา กระแทกใจ คนฟังอย่างเพลง ‘เสแสร้ง Feat. MOON’ พร้อมกวาดยอดวิว บนยูทูบไปกว่า 102 ล้านวิว (ข้อมูลวันที่ 14 ม.ค.66) นับได้ว่าเป็นผลงานเพลงที่ที่ทำให้ Paper Planes เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากเพิ่มขึ้น ต่อมาในช่วงปลายปี Paper Planes ก็ได้กลับมาสาดความฉบับป๊อปพังก์ ผ่านเพลง ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงไทย ด้วยการเป็นเพลงได้รับความนิยมที่แก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมในยุคนี้รู้สึกชื่นชอบ วันนี้ จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ ‘Paper Planes’ หัวหน้าแก๊งวัยรุ่นฟันน้ำนมให้มากขึ้นกว่าเดิม เดิมที Paper Plane ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คนด้วยกัน ได้แก่ ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ, หยก คีตเมศร์ ฉันทเกษมคุณ และ แจ๊ส ฤทธิ์อำนาจ ขวานทอง ก่อนที่ แจ๊ส จะลาออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้วงมีสมาชิกใหม่มากขึ้นมาคือ ‘เซน นครินทร์ ขุนภักดี’ รวมทั้ง หลังจากปล่อยเพลง แสร้ง ไปได้ไม่นาน หยก ก็ได้ลาออกจากวงไปด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้ปัจจุบันนี้ Paper Planes มีสมาชิกทั้งหมด 2 คน คือ ฮาย และก็ เซน เรามาเริ่มทำความรู้จักกัน ที่นักร้องนำ อย่าง ‘ฮาย ธันวา เกตุสุวรรณ’ หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในฐานะ ‘HYE’ ศิลปินเดี่ยว ที่มีผลงานเพลงฮิตติดหูมากมาย ผ่านการปล่อยโปรเจกต์ของตัวเองในชื่อ Side Project ที่ประกอบด้วย10 เพลงฮิต อย่าง ไอฟาย, ล้อเล่นได้มั้ย, ทักมาเอาไร, เพื่อนสัมพันธ์, จิ๊กซอว์, ติดอยู่ที่เดิม, ด้วยรักและ F*CK YOU (FU), แบบนี้เอง, ระยะเพื่อน และ ยินดีด้วยนะ นอกเหนือจากนี้ ‘HYE’ ยังเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง, ซาวด์เอ็นจิเนียร์ ผู้อยู่เบื้องหลังดนตรี รวมทั้งการสร้างผลงานคุณภาพออกมาประดับวงการ T-POP ไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น เพลงอยู่ดีๆก็หาย ของ Wonderframe ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 148ล้านวิวบนยูทูบ เพลงมูเตลู ของ Pixxie ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 14ล้านวิวบนยูทูบ เพลงหักหลัง ของ Retrospect ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 12ล้านวิวบนยูทูบ เพลงโดนเท่แต่เท่อยู่ ของ bamm ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 10ล้านวิวบนยูทูบ เพลงดอกไม้ไฟ ของ Mirrr ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 29ล้านวิวบนยูทูบ เพลงไม่ได้ก็ไม่เอา ของ Pixxie ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 8ล้านวิวบนยูทูบ เพลงเขาไปแล้ว ของ Wonderframe ที่กวาดยอดวิวไปกว่า 86ล้านวิวบนยูทูบ มาต่อกันที่หัวหน้าแห่งแก๊ง วัยรุ่นฟันน้ำนม คนที่ 2 อย่าง ‘เซน นครินทร์ ขุนภักดี’ ตำแหน่งมือเบสประจำวง ‘Paper Planes’ ซึ่ง เซน ได้เริ่มเข้ามาเป็นมือเบสประจำวงในช่วงซิงเกิล ‘ซ้ำซ้ำ’ “ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชาย bad boy ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย เธอไม่รักฉันก็คงต้องปล่อย โธ่พ่อหนุ่ม bad boy bad boyทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย ปล่อยเธอไปกับไอ้หนุ่ม good boy…” ท่อนฮุกสุดมันจากเพลง ‘ทรงอย่างแบด(Bad Boy)’ บทเพลงที่มีเนื้อหา บอกแทนใจ คนทรงแบด หรือคนที่มีภาพลักษณ์ภายนอก เหมือนแบดบอย ที่มักจะถูกตัดสินว่าเจ้าชู้ แต่ความจริง คือเสียใจหลายครั้งมาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่า “ทรงอย่างแบดแซดอย่างบ่อย” ซึ่งเพลงนี้ เกิดขึ้นจาก การที่ฮายไปมองเห็นโพสต์ในไอจีสตอรี่ ของเพื่อนที่มีข้อความประมาณว่า “ทรงโคตรแบด แซดโคตรบ่อย” แล้วเกิดความคิดที่จะนำมาแต่งเป็นเพลง โดย ‘ฮาย’ แล้วก็ ‘เซน’ ได้เล่าถึงที่มาเพลงนี้ว่า “ปกติพวกเรามักถูกมองดูจากข้างนอกว่า ดูลุคแบด ๆ ดูแข็งกร้าว ก็เลยเข้าใจว่า เราเป็นคนแบบนั้น แต่จริง ๆ พวกเราก็ไม่ได้แข็งกร้าวขนาดนั้น เราเป็นคนปกติกลาง ๆ คนนึงเลย ตอนแรกเพลงนี้ ไม่ได้อยู่ในแพลน ที่พวกเราจะทำกัน แต่อยู่ดีๆวันที่พวกเราตกลงกันว่า จะไปนั่งทำเพลง พวกเราดันคิดถึงเรื่องนี้ แล้วคิดต่อไปว่าถ้าเกิดทำออกมาเป็นเพลง น่าจะเป็นอะไรที่สนุกดี เลยลองทำเพลงนี้ขึ้นมาก่อน เป็นเพลงแรก ซึ่งใช้เวลาวันเดียว ก็ได้อีกทั้งเนื้อร้อง และดนตรีจบเลย เนื่องจากว่าตอนทำพวกเรารู้สึกสนุกมาก” ซึ่งหลังจากที่ Paper Planes ปล่อยเพลงนี้ออกมาได้ประมาณ 1 เดือนกว่า ๆ ก็ได้มีไวรัล ‘ทรงอย่างแบด’ เกิดขึ้นในโลกโซเชียล โดยเริ่มจากการมีคลิปที่เด็กวัยอนุบาล ร้องเพลงนี้ขึ้น มาอย่างสนุกสนาน ในท่อนว้ากหนัก ๆ ที่ร้องว่า “โธ่พ่อหนุ่ม bad boy bad boy” ที่ ซาฟารีเวิลด์ จากนั้นก็มีคลิปน่ารัก ๆ ของเด็ก ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกระทั่งเริ่มมี ผู้ปกครองอุ้มน้อง ๆ หนู ๆ มาดู Paper Planes เล่นสดมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงกับขนาดที่ ฮาย ต้องบอกก่อนจบคอนเสิร์ตว่า “สัญญาได้ไหมว่าถ้าดูการแสดงดนตรีจบแล้ว จะไปแปรงฟันกัน ก่อนนอนอย่าลืมแปรงกันนะโอเคไหม” พร้อมทิ้งท้ายว่า “ทำไม ชีวิตผมถึงเปลี่ยนไปเยอะ ขนาดนี้ (หัวเราะ)” ด้วยเหตุผลนี้จึงนำมาซึ่งการทำให้เพลง ‘ทรงอย่างแบด’ กลายไปเป็นเพลงชาติ ที่วัยรุ่นฟันน้ำนม ถูกใจ และก็ทำให้ Paper Planes ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม ไปนั่นเอง โดย ทรงอย่างแบด ‘ฮาย ธันวา’ ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความรับผิดชอบ ที่ต้องเพิ่มมากขึ้นของ Paper Planes ในครั้งนี้ผ่านคลิป วิดีโอสัมภาษณ์ จากรายการ WOODY FM ว่า “ผมผมรู้สึกว่า เรานึกถึงหนังพวกซูเปอร์ฮีโร่ คือผมไม่ได้รู้สึกเป็นซูเปอร์ฮีโร่นะ แต่ว่ามันน่าจะเปรียบเทียบได้ดี คือวันนึงที่ซูเปอร์ฮีโร่มีพลังอะไรขึ้นมา เขาจะมีภารกิจที่ต้องทำ กู้โลก ไปต่อสู้กับปีศาจร้าย แต่ว่าในระหว่างทางนั้นพลังของเขาก็มีผลเสียอยู่ อย่างเช่นการทำบ้านเมืองพัง การทำอะไรไปโดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ การที่วันนึงผมมาเป็นหัวหน้าแก๊ง เวลาเด็ก ๆ เขาชอบเราบางเรื่อง เด็ก ๆ เขาซึมซับไปได้เร็ว โดยที่เขาไม่ได้ตัดสิน หรือว่าเขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้ อะไรที่มันสุ่มเสี่ยง หรือที่มันไม่สามารถอธิบายได้ ณ ตอนนั้นผมจะเลี่ยงก่อน แต่อะไรที่อธิบายได้ ผมจะอธิบายเลย อย่างเช่น การดื่มเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ ผมว่าสุดท้ายแล้วเด็กแค่ต้องรู้ว่าอันไหนเป็นข้อดี หรือข้อเสีย แล้ววันนึงเขาก็จะรับมันไปเอง แม้ว่ามันจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ตาม แต่ที่สำคัญคือเขาต้องรู้ว่ามันมีผลยังไง ทั้งในผลดีและผลเสีย ผมเลยคิดว่าเราจะต้องคิดเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะเด็ก ๆ ก็ติดตามเยอะมากขึ้นครับ”
จิ๊บ คีตภัทร ชี้แจงหลังถูกโยงเป็นนางเอกดัง ซื้อบริการแต่โดนแบล็กเมล์ 13/01/2023 Joyce Hale ภายหลังจากที่กลายเป็นเรื่องที่เป็นกระแสฮือฮา สำหรับขาเผือกอีกครั้ง ที่มีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ โดยอ้างว่า มีอดีตนางเอกดังช่องหลายสี ไปซื้อบริการจากหนุ่มนอกวงการ แต่ว่าดันเจอดีโดนอีกฝ่ายอัดคลิปแบล็กเมล์เรียกเงิน 4 แสน แล้วก็ล่าสุดคลิปดังกล่าว หลุดว่อนโซเชียล ซึ่งงานนี้เหล่าชาวเน็ต ก็ได้ทำการคาดเดา และเชื่อมโยงไปถึงนางเอก จ. จาน หลายๆ คน แล้วก็หนึ่งในนั้นมีชื่อของนางเอกสาว จิ๊บ คีตภัทร ด้วย ซึ่งล่าสุดสาว จิ๊บ คีตภัทร ที่ได้ทราบข่าวสาร ก็ได้ออกมาอธิบายผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ขออนุญาตชี้แจงข่าว ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อ หรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่อง และไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัว ที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคน ใช้วิจารณญาณ ในการเสพข่าว ส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บ และครอบครัว ได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ และความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ” งานนี้ชาวเน็ตคนไหนที่กำลังเดา หรือเชื่อมโยง ก็ขอให้หยุดไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ ส่องประวัติ ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกลูกครึ่ง จากผลงานดัง กว่าจะรู้เดียงสา ประวัติ จิ๊บ คีตภัทร นางเอกลูกครึ่งชื่อดังช่อง 7 ผลงานแจ้งเกิด เบญจา คีตา ความรัก สาวสวยหน้ามีเอกลักษณ์ น้องสาว จิม เจจินตัย ถ้าเกิดใครเคยดูละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา เชื่อว่าจะต้องคุ้นหน้า และคุ้นชื่อสาวคนนี้แน่นอน จิ๊บ ถึงแม้ว่าหลังๆ มานี้ สาวจี๊บจะห่างหายไปจากวงการ แต่มั่นใจว่าหลายคนยังคงจดจำเธอ ได้อย่างแน่นอน จากผลงานละครหลายเรื่อง วันนี้เราจึงขอชวนคุณมารู้จักเธอให้มากเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ผ่านประวัติ และผลงานของสาวจี๊บกัน จิ๊บ หรือ คีตภัทร อันติมานนท์ นักแสดงจากช่อง 7 เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สาวจิ๊บเป็นน้องสาวคนเล็กของ จิม เจจินตัย อันติมานนท์ อดีตนักแสดงและก็นายแบบ ตอนนี้จี๊บอายุ 38 ปี เธอเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527 จิ๊บก้าวเท้าเข้าสู่วงการ ตามรอยพี่ชาย ด้วยการเป็นนักแสดง ในสังกัดดาราวิดีโอและสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ผลงานเรื่องแรก ที่ทำให้จิ๊บมีชื่อเสียง คือ ละครเรื่อง กว่าจะรู้เดียงสา (2543) โดยจิ๊บได้ขึ้นแท่นนางเอก ตั้งแต่เรื่องแรก ประกบคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ หลังจากนั้นจิ๊บยังได้รับบทนางเอกอย่างต่อเนื่องอีกหลายเรื่อง ก่อนจะมีโอกาส ได้พลิกมารับบทนางร้าย ซึ่งจิ๊บก็ยังทำได้ดีไม่แพ้กัน ผลงานละคร ของสาวจิ๊บ คีตภัทร มีดังนี้ กว่าจะรู้เดียงสา (2543) กามเทพลวง (2543) เจ้าสัวน้อย (2543) ลูกหลง (2544) ผีขี้เหงา (2545) แม่แตงร่มใบ (2546) เปรตวัดสุทัศน์ (2546) เบญจา คีตา ความรัก (2546) รักล้นซอย (2547) บันทึกรักของนายบุญลือ (2548) ยอดชายนายโข่ง (2548) หมอผีไซเบอร์ (2548) เงื่อนริษยา (2550) ฟ้า หิน ดิน ทราย (2550) คนเยอะเรื่องแยะ (2550) เกาะมหัศจรรย์ (2551) วงเวียนหัวใจ (2552) สายสืบเสียงทอง (2552) คุณชายเลี้ยงหมู คุณหนูเลี้ยงแกะ (2556) ยมบาลเจ้าขา (รับเชิญ) (2556) ยอดชายนายตุ๊กตุ๊ก (2557) สาวน้อยซอยรจนา (2558) คู่วุ่นลุ้นแผนรัก (2559) ยมบาลเจ้าขา ปี 2 (2559) แหวนปราบมาร (2560) ลูกหลง (2560) ทิวลิปทอง (2560) กุหลาบเกราะเพชร (2562) นอกจากความสามารถเกี่ยวกับด้านการแสดงแล้ว สาวจิ๊บยังเคยฝาก เสียงร้องเพลงเพราะๆ ไว้ในเพลงประกอบละครเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก อีกด้วย ได้แก่ เพลงดนตรีในหัวใจ และเพลงเพื่อวันที่ดีกว่า ตอนนี้นอกจากงานในแวดวงบันเทิงแล้ว สาวจิ๊บยังผันตัว ไปเป็นนักธุรกิจ ผลิตภัณฑ์คอลลาเจน รวมถึงธุรกิจร้านอาหารไทย ที่สาวจิ๊บร่วมเป็นหุ้นส่วนเปิดร้าน ที่เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ชื่อร้านว่า Noi Thai Cuisine Greenlake ส่วนความรัก สาวจิ๊บมักไม่ค่อยเผยต่อสื่อมากนัก แต่ว่าข้อมูลล่าสุดเผยว่า สาวจิ๊บยังไม่ได้แต่งงานแต่อย่างใด ปัจจุบันนี้สาวจิ๊บใช้ชีวิตอยู่ที่ ประเทศอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเกิดใครคิดถึง และก็ชื่นชอบสาวจิ๊บ สามารถไปติดตามเธอได้ที่ อินสตาแกรมส่วนตัว @keetapat กันได้เลย บอกเลยว่า สาวจิ๊บทุกวันนี้ยังน่ารักไม่ต่างจากหลายปีก่อนที่เธอยังโลดแล่นอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์แม้แต่นิดเดียว.
ชมสด "แอนนา เสือ" ประชันโฉมรอบพรีลิมฯ ชุดประจำชาติ Miss Universe 2022 12/01/2023 Joyce Hale ถ่ายทอดสด Miss Universe 2022 ส่งใจเชียร์ “แอนนา เสือ” ขึ้นประชันโฉมรอบพรีลิมฯ-ชุดประจำชาติ ช่วงเช้าวันนี้ วันที่แฟนคลับชาวไทย ต่างรอคอย เริ่มขึ้นแล้ววันนี้ ที่จะได้ส่งเสียงเชียร์ ไทยแลนด์ให้กระหึ่มโลก สำหรับการประกวด เวทีนางงามจักรวาล มิสยูนิเวิร์ส 2565 (Miss Universe 2022) ครั้งที่ 71 ที่จัดขึ้น ณ นิวออร์ลีนส์ มอเรียล คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ ณ นครนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา โดยมีปีนี้ไทยส่ง “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ไปร่วมชิงมง โดยวันนี้ จะเป็นการประกวด ในรอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ รวมทั้ง รอบชุดประจำชาติ ซึ่งจะมีกำหนดการดังนี้ -รอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ (PRELIMINARY) วันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) -รอบชุดประจำชาติ (NATIONAL COSTUME SHOW) วันที่ 12 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) -รอบสุดท้าย Final Competition วันที่ 15 มกราคม 2566 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ดังนี้ สามารถรับชม ถ่ายทอดสด การประกวดMiss Universe 2022 ได้ที่ทาง ช่องทางของ JKN แล้วก็ ยูทูปชาแนลMiss Universe รวมถึง เพจเฟซบุ๊กMiss Universe เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 66 กองประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ได้เปิดโฉมชุด ประจำชาติที่ น.ส.แอนนา เสืองามเอี่ยม มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2022 จะสวมบนเวที การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2022 โดยมีชื่อชุดว่า“สงกรานต์เทวี” สัญลักษณ์ของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากนางสงกรานต์ประจำปี 2566 ชื่อว่า “นางกิมิทาเทวี” หนึ่งในลูกสาว (goddess) ทั้งเจ็ดของท้าว กบิลพรหม ลวดลายของชุดได้แรงบันดาลใจ มากจากหัตถศิลป์ หัตถกรรม ผ้าทอโบราณ “ผ้าทอลายน้ำไหล” ประดับตกแต่ง ด้วยงาน ปักลูกปัด คริสตัล เลื่อม แล้วก็ขวดน้ำ ที่เหลือกินเหลือใช้จากการบริโภค นำมาประยุกต์ให้มีความทันสมัย ออกแบบโดย พีรณัฐ วิริยะ ดีไซเนอร์จากแบรนด์ Ciqure สำหรับ “ขันเงิน” ที่ทำโดยช่าง ฝีมือคนไทย สื่อถึงการ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การเล่นน้ำ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนอกเหนือจากที่จะแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มีความประณีต สร้างสรรค์แล้ว ยังสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชาวบ้าน แล้วก็ชุมชน สะท้อนให้มองเห็นถึงความสุข ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความงดงาม ที่ตกทอดต่อกันมาอย่างช้านานอีกด้วย ร่วมเชียร์ “แอนนา เสือ” ให้ถึงฝันกับมงสาม ที่รอรอ พร้อมลุ้นว่าใครจะได้ครองมงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2022 ไปด้วยกันในวันที่ 15 มกราคม 2565 ตามเวลาประเทศไทย ตั้งแต่ 7.00 น. ถ่ายทอดสดผ่านช่อง JKN18 ตั้งนาฬิกาปลุกเชียร์ “แอนนา เสือ” ขึ้นประชันโฉม “รอบพรีลิมฯ – ชุดประจำชาติ”Miss Universe 2022 เช้า 12 ม.ค. นี้ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” จัดเตรียมขึ้นเวที “มิสยูนิเวิร์ส” 2 รอบสำคัญ “พรีลิมฯ – ชุดประจำชาติ” แฟนนางงามพร้อมเชียร์ พรุ่งนี้แล้ว! (12 ม.ค.66) ที่แฟนนางงามไทย จะได้รวมพลังส่งกำลังใจ ตะโกนไทยแลนด์ ให้ก้องโลก เพราะเหตุว่า “แอนนา เสืองามเอี่ยม” จะขึ้นประชัน โฉมบนเวทีการ ประกวดนางงามจักรวาล “มิสยูนิเวิร์ส2022” (Miss Universe2022) ใน รอบคัดเลือก หรือ รอบพรีลิมฯ และก็ รอบชุดประจำชาติ ต่างชาติอึ้ง แอนนา เสือ กับหลากลุคเข้ากองประกวด Miss Universe 2022 เตรียมนับ วันถอยหลัง กันให้ดี สำหรับการประกวดMiss Universe 2022 ซึ่งตัวแทนประเทศไทย แอน แอนนา เสืองามเอี่ยมMiss Universe Thailand 2022 ก็พร้อมเต็ม ที่กับภารกิจ ขย้ำมงสาม แบกสายสะพายไทยแลนด์ไปเฉิดฉายที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แอนนา เสือ ก็มีแฟชั่นสวย ๆ มาให้แฟนนางงามได้ว้าว กันตลอดทุกวัน ทุกกิจกรรม ทั้งชุดและเครื่องประดับที่ฟิตติ้งมาอย่างดี ยิ่งบวกกับฝีมือการเมคอัพ แบบหน้าผม ขย่มเองของเธอ ต้องปรบมือเลยว่าสวยสะใจสุด ๆ